ธรรมชาติของการเดินทางไปท่องเที่ยวเมื่อพักผ่อนหย่อนใจกันอย่างเต็มที่กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง ร้านอาหารอร่อยๆ จึงเป็นอีกสถานที่พิเศษที่การไปเที่ยวทุกครั้งต้องไม่พลาด สำหรับคนที่เดินทางไปกาญจนบุรี และต้องการทานอาหารอร่อยบรรยากาศดีขอแนะนำ ร้านอาหาร คีรีธารา กาญจนบุรี รับรองว่าคุณจะได้ทุกอย่างครบถ้วนตามที่ต้องการอย่างแน่นอน ถือเป็นร้านขึ้นชื่อของจังหวัดที่คนรู้จักกันเยอะมากทีเดียวสำหรับร้านอาหารร้านนี้ สถานที่และบรรยากาศรอบๆ ร้านอาหาร คีรีธารา กาญจนบุรี ร้านอาหาร คีรีธารา กาญจนบุรี เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแควใหญ่ ใกล้ๆ กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ระยะทางแค่ประมาณ 50 เมตร สามารถเดินจากร้านไปได้ไม่ไกลมาก บรรยากาศภายในร้านเหมาะกับการนั่งพักผ่อนเพื่อทานอาหารอย่างแท้จริง พร้อมกับนั่งดูวิวทิวทัศน์แบบธรรมชาติ สามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่มาจากแม่น้ำแคว หากใครได้มีโอกาสาทานอาหารในช่วงเย็นก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกดินโรแมนติกสุดๆ หากเป็นตอนค่ำทางร้านก็จะมีการประดับประดาด้วยไฟสีสันต่างๆ ให้เกิดความสวยงามดูสลัวๆ น่าค้นหา มีการแสดงดนตรีสดคลอไปแบบสบายๆ เหมาะมากสำหรับใครก็ตามที่ต้องการมาทานอาหารทั้งแบบครอบครัวหรือแบบคู่รักก็ได้บรรยากาศที่ดีเหมือนๆ กัน หากมองดีๆ แล้วบรรยากาศภายในร้านจะมีการตกแต่งให้คล้ายกับสไตล์บาหลี พื้นที่ภายในร้านกว้างขวาง มีการจัดพื้นที่ต่างๆ เอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน แต่ละส่วนก็จะมีบรรยากาศแตกต่างกันออกไป ส่วนหนึ่งจะอยู่ด้านบนภายใต้ตัวของร้าน อีกส่วนหนึ่งจะอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำแคว สามารถเห็นวิวริมแม่น้ำและสะพานข้ามแม่น้ำแควได้จากมุมสูง แต่ไฮไลต์ที่สุดของร้านซึ่งมักได้รับการจับจองจากลูกค้าอยู่บ่อยๆ นั่นคือบริเวณที่เป็นแพเปิดโล่งลอยอยู่บนแม่น้ำแคว จะได้สัมผัสกับลมธรรมชาติ อากาศแสนบริสุทธิ์ที่สูดได้อย่างเต็มปอด มองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำแควเป็นเต็มๆ ด้วย เมนูแนะนำที่ต้องลอง สำหรับร้านอาหาร คีรีธารา กาญจนบุรี ก็มีเมนูขึ้นชื่ออยู่มากมายแต่ถ้าหากใครได้มีโอกาสเดินทางมายังร้านแห่งนี้จะต้องไม่พลาด 3 เมนูเด็ดประจำร้านประกอบไปด้วย ปลาคังลวกจิ้ม – ปลาคังสดๆ ลวกได้ชนิดที่ว่าไม่ต้องกลัวกลิ่นคาว เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสเด็ดที่รสชาติถูกปากสุดๆ พร้อมกับผักแกล้มนานาชนิดให้ได้ทานคู่กันแบบอร่อยสุดๆ รับรองได้ว่าความหวานจากเนื้อปลาเมื่อสัมผัสกับน้ำจิ้มแสนอร่อยพร้อมทานผักคู่กันลงตัวสุดๆ ปลากดทอดน้ำปลา – หากใครกลัวว่าการทานปลาแล้วจะคาวก็แนะนำเมนูนี้เลย ปลากดเนื้อแน่นๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มยำมะม่วง ข้างจานแนมด้วยผักดองที่จัดไว้อย่างสวยงาม ถือเป็นเครื่องเคียงที่เข้ากันได้อย่างดี น้ำพริกธารา – รสชาติคล้ายน้ำพริกปลาย่าง กลมกล่อม เผ็ดกำลังดี มาพร้อมผักต้มและผักสดกว่า 10 ชนิด แค็ปหมู ไข่ยางมะตูมทานคู่กันอร่อยสุดๆ

ปกติแล้วเวลาทานอาหารหากร้านไหนที่มีวิวติดแม่น้ำจะยิ่งเป็นร้านที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ ด้วยความที่บรรยากาศโดยรอบจะชวนให้น่านั่งทานอาหารยิ่งถ้าหากว่ารสชาติอาหารอร่อยโดนใจยิ่งทำให้ร้านนั้นขึ้นชื่อแบบไม่ต้องโฆษณาเลยด้วยซ้ำ สำหรับใครที่เดินทางมายังกาญจนบุรีแล้วกำลังมองหาร้านอาหารที่คงคอนเซปต์ติดริมน้ำอยู่ลองมาแวะกันที่ร้านอาหาร ครัวชุกโดน กาญจนบุรี รับรองว่าจะต้องประทับใจกับทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารอย่างแน่นอน รีวิวร้านอาหาร ครัวชุกโดน กาญจนบุรี ร้านอาหาร ครัวชุกโดน กาญจนบุรี เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลองเมื่อเดินเข้ามาภายในร้านก็จะพบกับซุ้มต้นไม้ที่ทำเอาไว้ต้อนรับแขกทุกท่าน มองเห็นป้ายชื่อขนาดใหญ่ทำให้มั่นใจได้ว่ามาร้านนี้ไม่ผิดเพี้ยนแน่นอน เมื่อเดินเข้ามาภายในร้านจะเห็นว่าถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน กับส่วนที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำ ที่กล้าบอกว่าตั้งอยู่บนแม่น้ำก็เพราะว่านั่งทานกันบนแพนั่นเอง โดยลักษณะของแพเป็นแพเปิดโล่งแต่ถ้าหากมาในช่วงฤดูฝนหรือวันฝนตกก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะทางร้านจะมีการคลุมหลังคาให้อย่างดีไม่ต้องกลัวเปียกนอกจากนี้ยังมีผ้าใบกั้นน้ำด้านข้างไม่ให้กระเด็นขึ้นมาอีกด้วย เมื่อมองออกไปด้านนอกก็จะพบกับวิวแม่น้ำกลองสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับขุนเขาให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติสุดๆ ส่วนบรรยากาศภายในส่วนพื้นดินก็มีการตกแต่งในลักษณะของโมเดิร์นผสมกับความเป็นไทยให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ ภายในร้านก็ประดับประดาด้วยต้นไม้นานาชนิดให้ความร่มรื่นสุดๆ ไปเลย เมนูขึ้นชื่อที่มากี่ครั้งก็ต้องสั่ง แน่นอนว่าร้านอาหารดังขนาดนี้ คนจองคิวกันล่วงหน้าเยอะแบบนี้ก็ต้องมีเมนูเด็ดที่มัดใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน ซึ่งเมนูแนะนำของร้านอาหาร ครัวชุกโดน กาญจนบุรี ที่ของเสนอคือ หอยกระทะ – เมนูกระทะร้อนที่เสิร์ฟมาด้วยเสี่ยงฉี่ฉ่าของความร้อนจากกระทะ ทำเอาคนบนโต๊ะต้องหันมองแน่นอน สีไข่เหลืองนวลน่าทานที่ตรงกลางเต็มไปด้วยหอยนางรม เสิร์ฟพร้อมซอสพริกรสชาติเข้ากันแบบสุดๆ ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ – สำหรับใครที่ไม่ชอบแกะปูแต่อยากทานปูก็แนะนำเมนูนี้เลย ด้วยรสชาติการผัดแบบผงกะหรี่ที่เข้มข้น สีสันสวยงามทั้งสีเหลืองจากไข่และสีเขียวจากผักให้ความรู้สึกว่าต้องทานให้ได้ กุ้งแม่น้ำเผา – มาร้านอาหารริมน้ำไม่สั่งกุ้งแม่น้ำเหมือนมาไม่ถึง ขนาดกุ้งของทานร้านตกประมาณ 6 ตัวต่อกิโลกรัม ถือว่าขนาดใหญ่ใช้ได้ มาพร้อมกับน้ำจิ้ซีฟู๊ดรสเด็ดที่ใครทานก็ต้องติดใจและอยากสั่งเพิ่มอย่างแน่นอน ต้มยำปลาคังน้ำใส – เมนูปลาคังที่ใครทานก็ต้องชอบเพราะไม่มีกลิ่นคาวของปลาเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญรสชาติจัดจ้านอร่อยสุดๆ เลยทีเดียว

สถานที่อยากจะแนะนำต่อไปนี้ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญมากที่สุดแล้วในจังหวัดกาญจนบุรี คือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ที่นี่ถือว่ามีความเก่าแก่มานานมาก จนถือว่าเป็นมรดกโลกกันก็ว่าได้ สถานที่นี้แม้ประสาทจะดูเก่าแต่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งศิลปะที่ โดยหากคุณมองจากด้านนอกแล้วเดินเข้ามาใน อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ สิ่งแรกเลยที่จะมองเห็นก็คือ ประสาทที่สร้างมาจากด้วยน้ำมือที่ก่อขึ้นมาอย่างช้าๆ ให้มีความสวยงาม หากคุณเข้าไปข้างนานแล้วจะพบสิ่งน่าอัศจรรย์จะพบศิลปะรูปแบบสมัยก่อน ที่วาดออกมาได้อย่างงดงามภายใน ประสาทเมืองสิงค์ โดยเชาเชื่อกันว่าการวาดรูปแบบนี้จะสื่อให้ลูกหลานได้มองเห็นอดีตความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนว่าชีวิตของพวกเขานั้นมีจุดเริ่มต้นเป็นอย่างไรกันบ้าง เดินไปเรื่อยชมสถาปัตยกรรมที่ทรงค่า ในสถานนี้ มีที่ให้คุณได้เที่ยวถ่ายรูปเยอะมากแล้วยังมีสิ่งที่อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ซึ่งจะค่อยแปลสิ่งสถานที่นี้คืออะไรแล้วมีความเป็นมา แล้วในสถานที่แห่งนี้บริเวณโดยรอบจะมีแต่ต้นสีเขียวที่งดงามอร่ามตาเป็นอย่างมากทำให้รู้สึกร่มเย็นแล้วผ่อนคลายได้ในเวลาที่เราต้องเดินเที่ยวตลอดทั้งวัน ประสาทของที่นี่เมื่อเวลาส่องแสงเข้ามาจะมีความงดงามที่เหมาะแก่การถ่ายรูปเอาไว้เป็นอย่างมากเลยแล้วหากบางมุมก็จะมีแสงที่สองมากระทบเป็นตาวงกลมแต่ในกรณีเกิดขึ้นยากหน่อยเพราะมันอยู่ช่วงวันรอบปี จากการดูสถานที่โดยรอบแล้วมีสิงที่น่าสนใจมากมายนั้นก็รูปปั่นสิ่งที่เคารพมากที่สุดได้ถูกสร้างไว้แทบทุกจน ซึ่งในแต่ละองค์จะมีการทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปในช่วงยุคสมันตอนนั้น แล้วต่อมาหากเดินไปเข้าในอาคารที่จัดงานด้วยแล้ว คุณจะได้เห็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ขุดค้นพบอยาก ศีรษะพระศิวะ แม่พระพุทธรูป เครื่องปั่นดินเผา ร่วมไปถึงหุ่นจำลองแบบต่างๆ โบราณสถานที่ต้องรู้เอาไว้ ในสถานที่ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่อีกอย่างแล้วต้องไปให้ใน 4 แห่งของหมายเลขนี้ โดยจะอยู่บริเวณของสถานที่ ดังต่อไปนี้ โบราณสถานหมายเลข 1 โบราณนี้จะต้องอยู่ใจกลางกลุ่มสถานโบราณเลยทั้งหมด ซึ่งองค์จะมีสถานที่นี้จะมีสิ่งสำคัญคือ ปรางค์ประธาน ระเบียงคด โคปุระ แล้วก็กำแพงแก้ว แล้วสถานทีแห่งนี้ แล้วหากเป็นอาคารเล็กในที่นี้จะมีพวกตำราคัมภีร์ต่างๆ ในเชิงพระพุทธศาสนา ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ดูเปิดอ่านในสถานที่ตรงนี้แล้วไม่สามารถจะมันออกไปได้เด็ดชาด โบราณสถานหมายเลข 2 สถานที่ 2 นี้ยังมีปรางค์อยู่ด้วยกันทั้งหมดเลย 4 ด้าน แล้วจะมีความคล้ายคลึงกับบริเวณสถานที่หนึ่ง แล้วการก่อสร้างที่นี่จะเน้นไปถ้าใช้ศิลาแดงทั้งหมดแล้วผสมด้วยกาวหนังสัตว์แล้วมีข้าวเหนียวด้านนอกแล้วยึดสถานที่กับอ่างศิลาไว้เกือบทั้งหมดเลย แล้วที่นี่ยังถือมีความสวยงดงามที่ควรอนุรักษ์ไว้เช่นกัน โบราณสถานหมายเลข 3 สถานที่ 3 จะตั้งอยู่ภายนอกกำแพงแก้ว แล้วเป็นสถานที่เล็ก ที่มีพื้นในการเดินทางที่ไม่มาก โบราณนี้จะต้องติดแถวหมายเลขสถานที่ 1 โดยต้องเดินขึ้นมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งสภาพของโบราณนี้ออกแบให้มีแนวเฉียงบ้างเล็กน้อยแล้วเริ่มเก่าใกล้จะชำรุดจึงไม่สามารถจะบอกขนาดลักษณะที่แท้จริงได้ โบราณสถานหมายเลข 4 สถานที่ 4 จะอยู่ไม่ห่างจาก 3 ซักเท่าไร โดยที่นี่จะมีรูปร่างลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยม แล้วข้างในโบราณสถานยังมีสิ่งประติมากรรมร่วมไปถึงวัสดุสำคัญที่เป็นค่าวัตถุที่หายากยิ่งไม่ได้แล้วในปัจจุบัน หากสนใจอยากจะมาเที่ยวเมืองกาญจนาบุรีที่งดงามแล้วต้องการเก็บหาใส่ความรู้ต้องมาเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ แล้วคุณจะหลงรักเหมือนอย่างที่ทีมงามเจอแล้วเอามาบอกกล่าวให้ผู้อ่านได้รับรู้กันยังไงละครับ พิกัดอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ : ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี เบอร์โทรติดต่อ : 034-528-456-7 เวลาเปิดทำการ : 08.00 – 16.30 น. เปิดให้บริการทุกวัน

ทีมงานอยากจะแนะนำสถานที่เที่ยวที่มีมนต์เสน่ห์ แล้วเป็นสถานที่น่าจดจำมากในประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้วมีผู้คนมากมาเที่ยวที่นี่ พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด มากมายไม่ว่าจะเป็นทั้งคนไทยแล้วก็ชาวต่างชาติ โดยที่นี่จะเป็นสถานที่ออกในทางการเชิงเที่ยวมากแล้วมีการความรู้แก่ผู้คน ร่วมไปถึงเด็กนักเรียนที่มาทัศนะศึกษา สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างมาเพื่อคนไทยทุกคนสร้างมาเพื่อสงครามโลกครั้งที่ 2  ที่เป็น “ช่องเขาขาด” แล้วอยากให้รู้ว่า คนที่ถูกทำจับเป็นเชลยมีวิธีความเป็นอยู่ยังไงแล้วมีความลำบากที่ยากเย็นขนาดไหนกันแน่ ซึ่งที่นี่ยังมีภาพในรูปแบบวิดีโอให้ผู้คนได้มานั่งดูประวัติศาสตร์กัน ด้วยจะมีเสียงซับในวีดีโอที่บอกเรื่องราวอย่างละเอียดในความทุกข์ยากแล้วเครื่องไม้เครื่องมือที่ทิ้งเอาไว้ในการสร้างรถไฟอยู่มาก โดยวิดีโอนี้ได้สร้างถูกสร้างขึ้นมาโดย เจ จี ทอม มอร์ริส เป็นคนชาวออสเตรเลีย โดยเขาตกเป็นเหยื่อเชลยศึกในครั้งนี้นั้นเอง การที่วีดีโออันนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพราะการระดุมทุมจากประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้มีสิ่งที่น่าจดจำไปยันสู่ลูกหลาน แล้วข้างในยังมีรูปปั้นที่มีเนื้อหากำกับบอกประวัติไว้อย่างละเอียดของความเป็นมา ให้ได้ถ่ายรูปศึกษากันอีกด้วยนั้นเอง แต่ถ้าหาใครเบื่ออยู่ข้างในแล้ว ตัวโซนด้านนอกก็มีให้เห็นสถานที่ศึกษาในสถานที่จริงที่ในช่วงนั้นมีคนถูกจับเป็นเฉลยอยู่ บอกได้เลยถ้าคุณรู้เรื่องละเอียดข้างในเรียบร้อยพอมาเจอมาพบขึ้นจะขนลุกเลยว่า เหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ค่อยเฝ้าดูแล้วเต็มไปด้วยเศร้าโศกมากจนต้องวิตกไปเลย แล้วยังมีสถานที่ให้ดูอีกเยอะมากซึ่งเส้นทางจะเป็นทางยาวแล้วมีป้ายกำกับว่าอันนี้คือจุดอะไรเป็นต้น หากใครมาสนใจจะมาเที่ยวที่นี่ก็ถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวที่โอเคมากที่สุดเลย แล้วหากคุณเป็นคนไทยด้วยแล้วต้องมาดูมาให้ได้จะได้ว่าบรรพบรุษของเรามีความเป็นที่แสนลำบากเสียเลือดกันไปแล้วเท่าไรกว่าจะมีรถไฟสายทางเส้นนี้ แล้วคุณจะรู้สึกรักชาติขึ้นมาในทันที

สถานที่ต่อไปนี้หากมาถึงจังหวัด กาญจนาบุรีแล้วอยากให้คุณได้มาชมเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก ดูสักครั้งสถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นที่เที่ยวที่รู้จักของคนต่างประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งคนต่างประเทศเขาเรียกที่นี่เป็นภาษาว่า JEATH ซึ่งสถานที่นี้เป็นที่จัดแสดงเรื่องราวของสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ตอนในเวลาในช่วงนั้นมีแต่เรื่องของความโหดน่ากลัวซะเหลือเกิน ที่เชลยศึกได้ถูกนำไปสร้างรถไฟอย่างโหดร้ายแบบทรมานทารุณมากแล้วล้มตายเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก 16,000 คนเพื่อสร้างเส้นทางราง กาญจนบุรี-พม่า โดยที่แห่งนี้ที่ได้ถูกสร้างพิพิธภัณฑ์มาเพื่อยกย่องแก่คนที่เสียชีวิตเพื่อให้ลูกหลานได้รับรู้สืบต่อในช่วงลูกหลาน แล้วต่อจากนี้จะพาชมในส่วนต่างของสถานที่ว่าจะเป็นยังไงเพื่อที่คุณจะได้เข้าถึงในเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ อาคารจำลองเฉลยศึก สถานที่แห่งนี้จะเป็นในส่วนของค่ายพักที่เชลยได้ถูกจับมาไว้ร่วมกันแล้วให้พักอาศัยอยู่ด้วยกันแบบแออัดในระหว่างที่ทำการสร้างรถไฟสายมรณะแห่งนี้ โดยรูปแบบจะออกมาอยู่ในรูปตัว U แล้วในส่วนข้างในของที่นี่ยังมีภาพถ่ายและภาพเขียนต่าง ที่บ่งบอกความเป็นอยู่ของคนช่วงไว้ได้เป็นอย่างดีหากเราหลับตาแล้วนึกภาพไปด้วยในข่วงตอนนั้น และในเหตุการณ์นี้คนที่ช่วยเชลยมาได้เกือบหมดคือ บุญผ่อง สิริเวชชะพันธุ์ คหบดีแห่งชุมชนปากแพรก ห้องแสดงอาวุธสงครามเครื่องใช้ ในที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่แสดงอาวุธสงคามในสมัยนั้นที่เขาไว้ใช้รบกัน ไม่ว่าจะเป็นหมวกปืนผาหน้าไม้มีอยู่เพียง ร่วมไปถึงอุปกรณ์การใช้ชีวิตความเป็นอยู่ในที่ขาดแคลนอาหารมากในเวลานั้น โดยของทั้งหมดที่อยู่ในตู้ที่มานำโชว์เป็นของที่ชาวบ้านในระแวกนั้นผมเจอไม่ว่าจะเป็น ระเบิด , ปืน , รองเท้า , ถ้วยส้อม สถานที่แสดงแห่งนี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อที่คนเราจะมาเกลียดชังของมนุษย์ แต่อยากสร้างไว้เพื่อเป็นบทเรียนแก่มนุษย์ชาติให้ได้รับรู้กันทั่วหน้า แล้วที่มาของคำว่า Jeath มีความหมายแล้วเป็นตัวย่อที่ไม่อยากจะให้มีเลยอยู่ในคำพวกนี้โดยเป็นอักษรในแต่ละประเทศ ที่มีส่วนในการสร้างรถไฟสายมรณะที่นี่ โดยแบ่งได้ดังนี้ ตัว J คือ Japan (ญี่ปุ่น) : ก็คือฐานะที่สร้างรถไฟสายมรณะแล้วเป็นคนคุมเฉลยศึก ตัว E คือ England (อังกฤษ) : อยู่ในฐานะเฉลยศึก ตัว A คือ Australia (ออสเตรเลีย) : ฐานะเฉลยศึก ตัว T คือ Thailand (ไทย) : เจ้าของประเทศ ตัว H คือ Holland (ฮอนแลนด์) : ในฐานเฉลยศึกเหมือนกัน พิกัดที่อยู่ พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก : ถนนนิวซีแลนด์ ตำบล ท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา : 08.30 – 16.30 น. **หมายเหตุ รูปบางรูปทีมงานไม่สามารถเอาออกมาให้ดูได้หมดเนื่องจากสถานที่ พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก ไม่อนุญาตให้ทำการถ่ายรูปได้

สถานที่ในจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วในคนไทยในประเทศต่างเดินทางไปเที่ยว น้ำตกเอราวัณ แห่งนี้กันมากซึ่งอยู่ใจกลางกรุงของจังหวัด ที่นี่มีน้ำตกด้วยกันถึง 7 ชั้น ด้วยกัน  แล้วยังเป็นแหล่งอาศัยของพวกเหล่าสัตว์ ช้าง แต่ที่นี่เขาก็มีป้ายห้ามให้เข้าในป่าอยู่เพราะมีพวกอันตรายจากเหล่าสัตว์ชนิดต่างๆ อีกอันนี้ต้องพึงระวังเอาไว้ให้ดีด้วย แล้วมาในส่วนของการเดินทางคุณสามารถจะเอารถส่วนตัวมาได้เลยใน น้ำตกเอราวัณ เพราะที่นี่มีที่จอดรถที่กว้างมาก จนคุณหาที่จอดได้อย่างสบายเลย เมื่อมาถึงในชั้นบรรยากาศแรก จะมีร้านค้าอยู่แถวนั้นอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชำร่วมไปถึงร้านอาหารที่มีให้เลือกหลายแนวมากไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ อาหารตามสั่ง หรือเครื่องดืมต่างๆ ค่อยให้บริการไว้ ก่อนจะขึ้นคุณควรซื้อของไว้ให้เรียบร้อยไม่งั้นมีหิวแน่นอน การจะขึ้นไปหาน้ำตกขอเตือนไว้ก่อนนะครับ อย่าเดินขึ้นไปเด็ดขาดไม่งั้นมีเหนื่อยแน่นอน ขอให้ขึ้นรถกอล์ฟไปกว่าโดยจะมีราคาประมาณ 30 บาท ประมาณนี้หรืออาจถูกกว่าซึ่งทีมงานจำราคาไม่ได้แล้ว เมื่อขึ้นมาแล้วในช่วงชั้น 5 และ ชั้น 6 คุณจะเห็นน้ำตาที่ใสสะอาดแล้วดูสวยงามมากในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอนเลย แล้วยังมีปลาพวงหินต่างๆ ที่มีทั้งตัวใหญ่เล็ก ว่ายน้ำกันไปมาเยอะแยะมากเลย แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ เราสามารถจะว่ายน้ำไปอยู่ร่วมกับพวกมันได้เลยแถมมันยังตอดๆ ดูด แล้วรู้สึกสนุกแปลกไปด้วย หากคุณไปถึง ชั้น 7 ด้วยแล้วบอกได้เลยว่าจะพบกับน้ำตกบรรยากาศทำนองสีเขียวงดงาม แล้วยังมีสายน้ำไหลลงจากหน้าผา ที่จะทำให้พอเก็บรูปไว้เป็นความทรงจำได้เป็นอย่างดีจากที่นี่ หากนักท่องเที่ยวต้องการไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ของการพักผ่อนก็สามารถจะไปลองเที่ยวน้ำตกแห่งนี้กันดูสักครั้งนะครับเชื่อได้เลยว่ามันจะเป็นทริปสุดพิเศษที่คุณจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้ แล้วยังมีสถานที่ให้เช่าที่พักด้วยหากต้องการที่จะเลือกค้างคืนนะครับ พิกัดสถานที่ น้ำตกเอราวัณ : ตำบล ท่ากระดาน อำเภอ ศรีสวัสดิ์ จังหวัด กาญจนบุรี เบอร์โทรศัพท์ : 03-457-4222

อย่างที่ได้เกริ่นนำไว้ตั้งแต่ขั้นต้นว่า สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหน้าร้อนต้องยกให้จังหวัด กาญจนบุรี เลยครับเพราะจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและที่สำคัญยังคงความเป็นธรรมชาติมากอีกด้วย จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนี้ เพราะจังหวัดกาญจนบุรี มีที่เที่ยวมากมายทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน เรามาดู 10 อันดับ ที่เที่ยวตอนกลางวันของจังหวัดนี้กันเลย 1.วัดถ้ำเสือ โดยวัดนี้เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา จึงทำให้การเดินเท้าไปยังวัดค่อนข้างลำบากแต่ก็ได้สุขภาพไปในตัว ส่วนคนที่เดินไม่ค่อยไหว ขาแข้งไม่ค่อยจะดีทางวัดมีบริการลิฟต์ ขึ้น – ลง โดยมีค่าบริการท่านละ 10 บาทเท่านั้น ซึ่งภายในวัดนี้จะมีทั้งอุโบสถอัฏฐมุขทรงไทย และเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากวัดวัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่เก่าแก่หรือจะเรียกว่าเป็นวัดโบราณวัดหนึ่งก็ว่าได้ จึงไม่แปลกที่วัดแห่งนี้จะมีลวดลายของวัดในแต่ละมุมที่ดูสวยแปลกตาเนื่องจากคนในสมัยโบราณสร้างขึ้นมานั้นเอง 2.อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งสถนที่เที่ยวของจังหวัดนี้ที่มีความเก่าแก่และงดงามมาก เนื่องจากเป็นสถานที่โบราณสถานแบบขอม อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-18 โดยตัวผังเมืองจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 800 ไร่ โดยตัวปราสาทจะถูกลอ้มล้อมด้วยกำแพงทั้งหมด ซึ่งตัวกำแพงจะถูกสร้างจากศิลาแลงทั้งหมด มีรูปทรงของตัวปราสาทคล้ายๆ กับ เขาปราสาทพระนมรุ่ง อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ กาญจนบุรี มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า ปราสาทเมืองสิงห์ เป็นสถานที่ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากจึงทำให้สถานที่นี้เงียบสงบและการเดินทางจะต้องใช้รถเป็นพาหนะในการเดินทางเท่านั้น 3.สะพานข้ามแม่น้ำแคว เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สำคัญมากของประเทศไทยและเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวจังหวัด กาญจนบุรี ก็ว่าได้ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่การมาถ่ายรูปคู่เช็คอินเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์อีกด้วย โดยสะพานข้ามแม่น้ำแควถูสร้างขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างเสร็จภายในระยะเวลาประมาณแค่ 1 เดือนเพียงเท่านั้น และเมื่อสงครามจบลงสถานที่แห่งนี้จึงถูกขนานนามว่าเป็นสะพานแห่งสันติภาพอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าได้มาเที่ยวจังหวัดนี้แล้วไม่มาที่นี้ถือว่ามาไม่ถึงก็ว่าได้ 4.ทางรถไฟสายมรณะ หรือ โค้งมรณะ-ถ้ำกระแซ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถูกยกเป็น Unseen Thailand ที่สุดของประเทศไทยก็ว่าได้ เพราะเป็นทางรถไฟที่อยู่ตามโค้งหน้าผาของถ้ำกระแซ เรียกได้ว่าเป็นทางรถไฟที่น่าหวาดเสี่ยวมากที่สุดแต่ในขนากเดียวกันก็ถือว่าเป็นทางรถไฟที่สวยที่สุดก็ว่าได้ 5.เขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยมาก เพราะนอกจากจะเป็นเขื่อนที่มีการประโยชน์อย่างมากแล้วไม่ว่าจะเป็นในด้านทางชลประทาน การประมง ผลิตไฟฟ้า  และเป็นเขื่อนกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามที่ขาดแคลนน้ำอีกด้วย 6.น้ำตกเอราวัณ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถให้ความผ่อนคลายสูงแก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งนักท่องเที่ยวจะชอบมาเล่นน้ำ นั่งกินลมชมวิวนั่งนอนเล่นกันเพลินๆ ได้ตามอัธยาศัย โดยน้ำตกเอราวัณแห่งนี้มีความสูงชันมาก มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่ชื่นชอบการเดินเท้า หรือจะนั่งรถทางน้ำตกเอราวัณก็มีให้บริการให้แก่คนที่ไม่ชอบการผจญภัยและคนที่ขาแข้งไม่ค่อยจะดี ใครที่ได้มาลองเล่นน้ำที่นี้แล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหายเหนื่อยแน่นอน 7.น้ำตกไทรโยคใหญ่ เป็นน้ำตกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับน้ำตกเอราวัณเช่นกัน เพราะเป็นน้ำตกที่นักท่องเที่ยวสามารถนอนค้างคืนได้ ไม่ว่าจะเป็นการกางเต้นที่เตรียมมาเอง หรือจะพักเป็นบ้านพักที่นี่ก็มีให้บริการในตัว ทั้งนี่ยังมีบริการในเรื่องของร้านอาหารอีกด้วย หรือจะล่องเรือชมธรรมชาติก็มี 8.น้ำตกไทรโยคน้อย เป็นอีกหนึ่งน้ำตกของจังหวัดกาญจนบุรีที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวกันอยู่ไม่น้อย…